หลังจากการเปิดตัวไปได้ไม่นาน สำหรับรถบิ๊กสกูตเตอร์จากค่าย ไดนามิก มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาในแบนด์ ZONTES (ซอนเทส) ซึ่งเปิดตัวมา 2 รุ่นคือ 350 E และ 350 D ในรุ่น 350 E ที่เป็นรุ่นใหญ่กว่า 350D มาพร้อมด้วยออฟชั่นแบบอัดแน่ และรูปทรงในแบบทั่วริ่ง บอดี้จะมีขนาดใหญ่กว่า นั่งสบายเครื่องยนต์ขนาด 350 ซีซี และรุ่นน้องอย่าง 350 D บอดี้ที่มีความคอมแพคสลิมกว่า เหมาะสำหรับขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น แต่ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยเช่นกัน
จุดนัดพบของพวกเราอยู่ที่ร้าน Pulse Café บางขุนทียน ที่นัดกันที่นี่เพราะต้องการหนีการจราจรและเพื่อนร่วมทางในช่วงวันทำงาน เพราะเราเดินทางกันในวันธรรมดา นักทดสอบทั้ง 19 ชีวิต ของแต่ละสำนัก มารวมตัวกันตั้งแต่เช้าทุกคนตื่นเต้นที่จะได้สัมผัส Zontes 350 ทั้งรุ่น E และ D
หลังจากที่นักทดสอบมากันครบแล้ว จึงออกเดินทาง โดยจะแวะเติมน้ำมันให้เต็มถังกันก่อนเดินทาง ซึ่งถังน้ำมันขนาด 16 ลิตร มีความจุขนาดใหญ่มาก ทำให้สามารถเดินทางไปได้ไกลแน่นอน แต่จะไกลแค่ไหนเรามาลุ้นกันครับ ซึ่งจุดหมายแรกของเราคือ การไปกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารครัวเกษร คลองโคน เพื่อเติมพลังให้กับไรเดอร์กันครับ จากนั้นออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยังหัวหิน ด้วยเครื่องยนต์พิกัด 350 ซีซี จึงทำให้มีอัตราเร่งที่ดี บิดติดมือ เรียกความเร็วได้ทันใจ ความเร็วปลาย ได้ที่ 160 กม./ชม.(วัดจากหน้าจอเรือนไมล์ของรถ)
หน้าจอของ Zontes 350 ทั้งสองรุ่นนั้นเป็นจอสีแบบ TFT ที่เลือกเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 4 แบบ จึงทำให้เวลาขับขี่ รู้สึกสนุกไปกับการมองรายละเอียดต่างๆ ที่แสดงค่าบนหน้าจอ และความโดดเด่นในออฟชั่นที่ให้มา อย่างเช่นเซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยาง และวัดอุณหภูมิลมยาง ที่ฝังอยู่ในล้อรถ ซึ่งจะส่งสัญญาณมาที่หน้าจอเรือนไมล์ ช่วยให้การเดินทางของเรา มีความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งชิลด์บังลมหน้าแบบไฟฟ้า สามารถปรับได้เพียงกดปุ่มสวิทย์ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ชิลด์บังลมหน้าก็จะสไลด์ขึ้น-ลงได้อย่างนุ่มนวล ซึ่งจะสามารถปรับได้สองระดับคือขึ้นสุด และลงสุด
หลังจากขับขี่ผ่านระยะทางมากว่า 200 กิโลเมตร ก็มาถึงจุดแวะพักอีกจุกหนึ่ง เพื่อดื่มกาแฟรับลมทะเลกันที่ร้าน Bamp : beach & Café เมื่อจอดรถแล้วก็สามารถกดสวิทย์ดับเครื่องยนต์ที่ตำแหน่ง Off-Run ได้เลย หรือจะเลือกเอาขาตั้งเดี่ยวลงก็ได้เครื่องยนต์ก็จะหยุดการทำงานทันที แล้วจึงกดสวิทย์ Power สีแดงค้างไว้ 3 วินาที ก็จะเป็นการตัดการทำงานของระบบไฟทั้งหมดลง เมื่อคอรถที่ยังอยู่ในตำแหน่งตั้งตรงอยู่นั้นจะสามารถขยับรถเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ แต่หากมีการหมุนแฮนด์ไปทางด้านซ้ายมือจนสุดระบบจะทำการล็อคคอแบบอัตโนมัติ หรือในกรณีที่ผู้ขับขี่นั้นลืมกดสวิทย์ Power ปุ่มสีแดง เมื่อเดินออกห่างจากรัศมีเชื่อมต่อ ระหว่างกุญแจรีโมทกับตัวรถ ที่ประมาณ 1.5 เมตร ตัวรถจะทำการตัดระบบไฟลงอัตโนมัติเช่นเดียวกัน เผื่อกรณีที่ผู้ขับขี่ลืมล็อครถ
ได้เวลาเดินทางต่อ เป็นจุดแวะถ่ายภาพเช็คอินที่ไม่ควรพลาดนั้นก็คือ ตาล 3 ต้นบริเวณถนนลียบชายหาดปราณบุรี ตรงนี้ทุกคนจะได้จอดรถเพื่อรีแล็คกับวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา เพราะอีกไม่ไกลก็จะถึงที่พักปลายทางแล้ว ช่วงที่กำลังรอคิวถ่ายรูปกัน เรามาดูรายละเอียดของรถกันต่อดีกว่า ช่องเก็บของที่บริเวณคอนโซลหน้าโดยเฉพาะในรุ่น 350E นั้นสามารถใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร เข้าไปได้อย่างสบาย เป็นช่องเก็บของที่ใส่ได้จุใจมาก และทางฝั่งช่องเก็บของทางขวามือ สามารถกดปุ่มปลดล็อคเพื่อหยิบของใช้อย่างเร่งด่วนได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะล็อครถอยู่ก็ตาม
ส่วนเก๊ะเก็บของทางด้านซ้ายในรุ่น 350 D นั้นจะเป็นพื้นที่สำหรับเก็บของที่สำคัญกว่า เมื่อมีการล็อครถแล้วจะไม่สามารถเปิดหยิบของได้ ต้องกดเปิดสวิทย์ให้ระบบไฟทำงานก่อนเท่านั้น ถือเป็นช่องสำหรับเก็บของมีค่าได้อย่างอุ่นใจ
หลังจากที่ทุกคนถ่ายรูปเช็คอินท์กันเรียบร้อยแล้ว จึงออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าที่พัก Putahracsa Hua Hin ซึ่งต้องบอกว่าห้องพักที่นี่สวยหรู ดูดี เน้นโทนสีขาว ห้องนอนดูสะอาดตาไปหมด ห้องน้ำที่มีอ่างแช่น้ำทำให้ทุกคนที่เดินทางมานั้น ได้นอนแช่น้ำผ่อนคลายร่างกาย ซึ่งทริปวันแรกของการเดินทางนี้ จบลงด้วยการขี่รถออกไปชมเมืองยามราตรี ในหัวหิน มีร้านอาหารริมทะเล ชื่อร้านสุภัทรา เป็นที่ทานอาหารมื้อค่ำก่อนนอน บอกเลยว่าวิวดีสุดๆ พร้อมด้วยอาหารเมนูต่างๆ ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ ทำให้เป็นค่ำคืนที่สุดพิเศษจริงๆ
วันที่สอง เดินทางกลับ....
วันนี้ทีมไรเดอร์ได้รับบิบแค่จุดเติมน้ำมันและจุดแวะทานอาหารเที่ยง นอกนั้นขับตามมาแชลน์คือพี่ชาญคนเดิม มุงหน้าทางหลัก เพื่อเข้ากรุงเทพฯ จุดหมายคือ บ.ไดนามิก มอเตอร์ พระราม4 ช่วงนี้บอกเลย ZONTES ได้โชว์สมรรถนะเต็มกราฟ และที่แน่ๆคือ ZONTES บินได้ ตามคำกล่าว ของพี่ชาญ ซึ่งพาเราไปเส้นทางที่เราสามารถทดสอบช่วงล่าได้ครบ จบในทริปเดียวจริงๆครับ ZONTES เอาอยู่ ......รถทุกคันถึงที่หมายเป็นอันจบทริปอย่างสวยงาม พบกันใหม่ทริปหน้าครับ