ผู้ถือหุ้น บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ขานรับมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซีอีโอ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ตอกย้ำความมั่นใจภาพรวมธุรกิจปีนี้ยังสดใสจากธุรกิจ Non-Oil ก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากยอดสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้น เดินหน้าต่อยอดธุรกิจต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพ พร้อมประเมินยอดขายน้ำมันปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10-12%
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในงวดประจำปี 2566 อัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 584.5 ล้านบาท โดยได้กำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567
“PTG ยังคงเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข ซึ่งในส่วนของผู้ถือหุ้นอยากให้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน การที่บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเพื่อเป็นการขอบคุณที่มั่นใจในผู้บริหาร ธุรกิจ และผลประกอบการที่เติบโตอย่างมีศักยภาพ รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่าจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำพาบริษัทฯ ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” นายพิทักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงประมาณการการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี 2567 ไว้ที่ 10-12% เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวม รวมถึงการเข้ามาใช้บริการซ้ำของลูกค้ากลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ Max Card Plus พร้อมกันนี้ยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการไว้ที่จำนวน 2,251 สถานีบริการ รวมถึงมีการปรับปรุงสถานีบริการให้มีความทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้สามารถเข้าถึงความ “อยู่ดี มีสุข” ภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อีกด้วย
สำหรับธุรกิจ Non-Oil ปีนี้ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% โดยวางเป้าหมายการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ไว้ที่ 30-40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการเติบโตมาจากกลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform”, กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรม ด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า และเน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากปี 2566 ที่มีอยู่ 573 สาขา
ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยยังคงเน้นการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าขยายในปีนี้ไว้ที่ 400 สาขา และเน้นการขยายในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น และการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ารวมถึงการเข้ามาใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าเดิม และลูกค้ากลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บริษัทฯ วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints โดยมีการขยายจำนวนหลัก ๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น